วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"ผมจะหัวเราะเมื่อเพื่อนหัวเราะ" ความในใจของลูกที่เสียประสาทการได้ยิน


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
       หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดหยิบยื่นเครื่องเล่นเอ็มพีสามยี่ห้อทันสมัยโดนใจวัยจ๊าบให้กับลูกแล้ว ก็ไม่ควรเพิกเฉย ต้องสอดส่องดูแลถึงพฤติกรรมการใช้งานเจ้าเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ชิ้นนั้นของลูก ๆ ด้วย ก่อนที่จะเป็นเช่นเด็กวัยรุ่นในสหรัฐอเมริกา ที่ได้มีการทำวิจัยพบว่า เด็กวัยรุ่นของประเทศกำลังสูญเสียการได้ยินไปทีละน้อย ๆ 
      
       เด็กเหล่านี้ประสบปัญหาทางการได้ยินเหตุเพราะเปิดวอลุ่มเสียงจากเครื่องเล่นเอ็มพีสามดังเกินไป การสูญเสียประสาทการได้ยินส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเรียนในโรงเรียน และอาจต้องใช้เครื่องช่วยฟังในอนาคต
      
       งานวิจัยชิ้นนี้ระบุว่า ในเด็กอายุ 12 - 19 ปีมีเด็กที่สูญเสียการได้ยินเพิ่มจาก 15 เปอร์เซ็นต์เป็น 19.5 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งพวกเขาจะไม่ได้ยินเสียงในระดับ 16 -24 เดซิเบล เช่น เสียงที่ผู้เป็นแม่บอกราตรีสวัสดิ์กับลูกก่อนนอน เป็นต้น หรือหากเขาได้ยินเสียงเหล่านั้นครบทั้งประโยค แต่ก็อาจจับใจความไม่ได้ครบถ้วน
      
       แม้ว่าจะมีบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่กี่ค่ายที่กำลังโกยรายได้เข้ากระเป๋าเป็นว่าเล่นจากการจำหน่ายเครื่องเล่นเพลงเอ็มพีสาม แต่งานวิจัยชิ้นนี้ก็ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ค่ายใดค่ายหนึ่งเป็นพิเศษ
      
       Brian Fligor ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลเด็กของบอสตันกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "การฟังเพลงดัง ๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเด็กวัยรุ่น และเด็กในแต่ละเจเนอเรชั่นก็มักจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยให้พวกเขาได้ฟังเพลงในลักษณะนั้นได้ ตั้งแต่การผลิตเครื่องเล่นเพลงตัวใหญ่ ๆ มาจนถึงวิทยุตัวบางเฉียบทันสมัยสุด ๆ จากค่ายโซนี่เมื่อประมาณ 15 -20 ปีที่ผ่านมา แต่ยิ่งนานวัน เครื่องเล่นเพลงรุ่นใหม่ ๆ ก็มักสิ้นเปลืองพลังงานน้อยลง แถมมีหน่วยความจำให้เด็กบรรจุเพลงได้มากขึ้น ต่างจากเครื่องเล่นเพลงยุคเก่าที่มีข้อจำกัดด้านแบตเตอรี่และดิสก์ที่บรรจุจำนวนเพลง"
      
       แมธธิว แบรดดี้ วัย 17 ปี ผู้ป่วยที่สูญเสียการได้ยิน คนไข้อีกคนหนึ่งของ Fligor บอกเล่าประสบการณ์ของเขาว่า เขามีปัญหาเวลาสนทนากับเพื่อน ๆ เป็นอย่างมาก และทำให้เขาต้องเริ่มทำตามคนอื่น ๆ เสมือนหนึ่งเขาเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
      
       "ผมจะหัวเราะก็ต่อเมื่อพวกเพื่อน ๆ หัวเราะกัน"
      
       Fligor บอกว่า การสูญเสียการได้ยินของแมธธิวเกิดจากการที่เด็กหนุ่มฟังไอพ็อดดังเกินไปและนานเกินไป โดยมารดาของเด็กชายเป็นโรคหัวใจ ทำให้แพทย์แนะนำกับเขาว่า เขาควรจะออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง แมธธิวจึงเลือกออกกำลังกายโดยการเดินบนลู่วิ่ง พร้อม ๆ กับเปิดเพลงจากไอพ็อดฟังเป็นเวลา 30 นาทีต่อครั้ง และเขาทำกิจกรรมเช่นนี้มากถึงสัปดาห์ละ 4 ครั้ง
      
       หลังจากเข้ารับการรักษา ทุกวันนี้ แมธธิวก็ยังฟังเพลงจากไอพ็อดอยู่ แต่เปิดไม่ดังเหมือนในอดีตอีกแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น